วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

PLN (Personal Learning Network)

PLN (Personal Learning Network)  เครือข่ายการเรียนรู้ส่วนบุคคล

        การเรียนรู้ส่วนบุคคลเป็นหนึ่งในรากฐานของสถ​​าบันการศึกษาและการเปลี่ยนแปลงองค์กรที่ประสบความสำเร็จ เครือข่ายการเรียนรู้ส่วนบุคคล (PLN) ไม่เพียงแต่สนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพของตัวเอง แต่ยังสามารถเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระจายนวัตกรรมภายในสถาบันการศึกษาของพวกเขา เรียนรู้ที่จะเชื่อมต่อกับชุมชนของมืออาชีพใจเหมือนให้มีส่วนร่วมมีการสนทนาและทำให้การร้องขอในช่วงเวลาของความจำเป็น เครื่องมือฟรีที่มีประสิทธิภาพและสื่อสังคมเช่น Google +, Twitter, และ Facebook ให้เป็นไปได้สำหรับคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณ




         เครือข่ายการเรียนรู้ส่วนบุคคลสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนดังแผนภาพที่แสดงต่อไปนี้


         หากมองในองค์รวมแล้วนั้นเครือข่ายการเรียนรู้ส่วนบุคคล  ก็คือการนำเอาเนื้อหา  สาระ ข้อมูล จากส่วนต่างๆ ในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในระบบการศึกษา ซึ่งมีทั้ง  สื่อสังคมออนไลน์ (Social Network และ Social Media)  เครื่องมือค้นคว้าข้อมูล (Search Engines) บันทึกส่วนตัว (Blog) หรือแม้กระทั่งสังคมการเรียนรู้ (Community Learning)

         1. สื่อสังคมออนไลน์ (Social Network และ Social Media)
             สื่อประเภทนี้สามารถตอบโจทย์ได้ดีในการค้นคว้าหาข้อมูล  เนื่องจากมีการปฎิสัมพันธ์กันภายในสื่อสังคมนั้นๆ มีการแลกเปลี่ยนทัศนคติ
             - Facebook  โพสแสดงความคิดเห็นต่างๆ งาน สิ่งที่ต้องการบอกเล่า รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ร่วมสังคมออนไลน์ได้แสดงความคิดเห็นแล้วให้ข้อเสนอแนะ เช่น ตั้งหัวข้อในการอภิปรายแล้วให้ผู้อื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็น
             - Twitter  บอกเล่าข้อความ  ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ผู้ร่วมสังคมได้รับทราบข้อมูล
             - LINE   บอกข้อมูลข่าวสารต่างๆ รวมถึงไฟล์วีดีโอ ให้ผู้ร่วมสังคมได้รับทราบข้อมูล
             - Youtube เป็นการนำเอาข้อมูลบนสื่อมาปรับใช้ในการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการสาธิตได้ดียิ่งขึ้นกว่าการดูรูปภาพเพียงอย่างเดียว
             - DailyMotion เป็นการนำเอาข้อมูลบนสื่อมาปรับใช้ในการเรียนการสอน

         2. เครื่องมือค้นคว้าข้อมูล (Search Engines)
             เป็นเครื่องมือที่ใช้ค้นคว้าหาความรู้ เนื้อหาวิชา สาระความรู้ต่างๆ ที่ต้องการเพิ่มเติมจากในห้องเรียน หรือหนังสือ และเพิ่มความหลากหลายในรายวิชานั้นๆ ที่จะใช้กับผู้เรียน
             - Google, Bing, Yahoo  เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการสอนในรายวิชา เและเนื้อหาต่างๆ

          3. บันทึกส่วนตัว (Blog)
             เป็นสื่อออนไลน์ที่มีการเขียนเนื้อหา สาระ ข้อความต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งสามรถเพิ่มเติมได้ทุกวัน คล้ายกับบันทึกประจำวัน ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งบางครั้งมีผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในสายงานวิชานั้นๆ เข้ามาแชร์ประสบการณ์ต่างๆ เอาไว้ ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้มีอยู่ด้วยกันหลายตัว เช่น Blogger, Wordpress, Exteen เป็นต้น

           4. สังคมการเรียนรู้ (Community Learning)
             เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ บทความทางวิชาการ งานวิจัย โปรแกรมที่ใช้งานเฉพาะด้าน ซึ่งบางครั้งมีผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในสายงานวิชานั้นๆ เข้ามาแชร์ประสบการณ์ต่างๆ เอาไว้ ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้มีอยู่ด้วยกันหลายตัว เช่น Council of Engineers, Tum Civil, Wikipedia  เป็นต้น

เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา


ประวัติวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา
            
            วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาเดิมเป็นโรงเรียนเรียกว่า 'โรงเรียนประถมช่างไม้' โรงเรียนนี้เป็นแผนกหนึ่งของโรงเรียนประชาบาล ตำบลในเมือง 'วัดสระแก้ว' รับนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เพื่อเรียนต่อในชั้นประถมศึกษาปัที่ 6 วิชาที่เรียนมีวิชาช่างไม้และสามัญ เมื่อแรกตั้งโรงเรียนนี้ดำนงอยู่ด้วยเงินประถมศึกษา เมื่อนักเรียนสอบไล่ได้ปีที่ 6 แล้วนับว่าเรียนจบชั้นประถมบริบูรณ์
             วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา ปัจจุบันมีเนื้อที่รวม 42 ไร่ 1 งาน 96 ตารางวา ตั้งอยู่เลขที่ 508 ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทร 044-242002 โทรสาร 044-254950 หรือ www.ntc.ac.th

สัญลักษณ์วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา

             เป็นรูปเสมาธรรมจักร ประกอบด้วย ทุ ส นิ ม
                  ทุ  หมายถึง ทุกข์
                    หมายถึง  สมุทัย
                  นิ  หมายถึง  นิโรธ
                    หมายถึง  มรรค
             อยู่ภายในวงกลม วงในล้อมรอบด้วยวงกลมนอกระหว่างวงกลมด้านบนมีคำว่า 'วิทยาลัยเทคนิค' ด้านล่างมีคำว่า 'นครราชสีมา'

สีประจำวิทยาลัย

             นำเงิน - ขาว

วัตถุประสงค์ วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา

             เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในสายวิชาชีพ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาช่างอุตสาหกรรมและสาขาวิชาพณิชยการ ให้มีมาตรฐานวิชาชีพ มีคุณธรรมและจริยธรรม จัดฝึกอบรมวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นและหลักศุตรพิเศษ ให้บริการชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนต่าง ๆ สืบสานศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

หลักสูตรที่เปิดสอน


       1. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
       2. หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)

ประเภทวิชาที่เปิดสอน

       วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาได้จัดการศึกษาวิชาชีพภาคปกติ และการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ ดังนี้
       1. หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 6 สาขาวิชา
           รับนักเรียนจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า เข้าศึกษาต่อหลักสูตร 3 ปี ดังนี้
           1. สาขาวิชาเครื่องกล
               -  สาขางานยานยนต์
           2. สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง
               - สาขางานเครื่องมือกล
               - สาขางานเขียนเครื่องกล
           3. สาขาวิชาโลหะการ
               - สาขางานเชื่อมโลหะ
           4. สาขาวิชางานไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานไฟฟ้ากำลัง
               - สาขาอิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานแมคคาทรอนิกส์
           5. สาขาวิชาก่อสร้าง
               - สาขางานก่อสร้าง
               - สาขางานสถาปัตยกรรม
           6. สาขาวิชาพณิชยการ
               - สาขางานการบัญชี
               - สาขางานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

       2. หลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 11 สาขาวิชา
            รับนักเรียนจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. , มัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า เข้าศึกษาระยะเวลา 2 ปี ดังนี้ 
           1. สาขาวิชาเครื่องกล
               - สาขางานเทคนิคยานยนต์
               - สาขางานเทคโนโลยีการบริการรถยนต์
           2. สาขาวิชาเทคนิคการผลิต
               - สาขางานเครื่องมือกล
               - สาขางานแม่พิมพ์พลาสติก
               - สาขางานแม่พิมพ์โลหะ
           3. สาขาวิชาเทคนิคโลหะ
               - สาขางานเทคนิคการเชื่อมโลหะ
           4. สาขาวิชาไฟฟ้ากำลัง
               - สาขางานติดตั้งไฟฟ้า
               - สาขางานเครื่องกลไฟฟ้า
               - สาขางบานเครื่องทำความเย็นและปรับอากาศ
           5. สาขาวิชาอิเล็กทรอนิกส์
               - สาขางานอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรม
               - สาขางานเทคนิคคอมพิวเตอร์
               - สาขางานระบบโทรคมนาคม
           6. สาขาวิชาแมคคาทรอนิกส์
               - สาขาแมคคาทรอนิกส์
           7. สาขาเทคนิคอุตสาหกรรม
               - สาขางานอุตสาหกรรมการผลิต
           8. สาขาวิชาเขียนแบบเครื่องกล
               - สาขางานออกแบบและเขียนแบบการผลิต
           9. สาขาวิชาการก่อสร้าง
               - สาขางานเทคนิคก่อสร้าง
           10.สาขาวิชาโยธา         
               - สาขางานโยธา
           11.สาขาวิชาการบัญชี
               - สาขางานการบัญชี
               - สาขางานคอมพิวเตอร์

เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 
         หรือที่รู้จักในชื่อว่า IT มาจากคำสองคำรวมกัน ดังนี้

         - เทคโนโลยี (Technology) 
          หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของสิ่งต่างๆ และหาทางนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง

         - สารสนเทศ (Information) 
         หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่ กฎเกณฑ์และวิชาการ เป็นต้น ลองจินตนาการดูว่าภายในสมองของเราเก็บข้อมูลอะไรบ้าง เราคงตอบไม่ได้ แต่สามารถเรียกเอาข้อมูลมาใช้ได้ ข้อมูลที่เก็บไว้ในสมอง เป็นสิ่งที่สะสมกันมาเป็นเวลานาน ความรอบรู้ของแต่ละคนจึงขึ้นอยู่กับการเรียกใช้ข้อมูลนั้น ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าความรู้เกิดจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทุกวันนี้มีข้อมูลอยู่รอบตัวเรามาก ข้อมูลเหล่านี้มาจากสื่อ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่การสื่อสารระหว่างบุคคล จึงมีผู้กล่าวว่ายุคนี้เป็นยุคของสารสนเทศ

          ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า  เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการ สารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวม การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การพิมพ์ การสร้างรายงาน การสื่อสารข้อมูล ฯลฯ เทคโนโลยีสารสนเทศยังรวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ การใช้ และการดูแลข้อมูลด้วย

 ฐานข้อมูล 
          คือ กลุ่มการจัดการข้อมูลสำหรับผู้ใช้หนึ่งคนหรือหลายๆ คน โดยทั่วไปมักอยู่ในรูปแบบดิจิทัล
ซึ่งวิธีการแบ่งชนิดของฐานข้อมูลได้รูปแบบหนึ่งคือแบ่งตามชนิดของเนื้อหา เช่น บรรณานุกรม, เอกสารตัวอักษร, สถิติ โดยฐานข้อมูลดิจิทัลจะถูกจัดการโดยใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลซึ่งเก็บเนื้อหาฐานข้อมูล โดยอนุญาตให้สร้าง, ดูแลรักษา, ค้นหา และการเข้าถึงในรูปแบบอื่นๆ

e-learning (electronic learning) 
         หรือบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ โดยกำหนดแต่ละหลักสูตร หรือเนื้อหาการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น มีทั้งระบบการเรียนแบบทางไกลสำหรับนักเรียนที่สมัครเรียนออนไลน์ และสำหรับนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าร่วมเรียนในห้องเรียนได้ ซึ่งในปัจจุบันสถานการศึกษาหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับมหาวิทยาลัย นิยมใช้การเรียนการสอนแบบ e-learning มากขึ้น

วัตถุประสงค์ในการใช้ e-learning
          1. เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ผู้สอน รวมทั้งผู้ที่สนใจ สามารถเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาการเรียนการสอนได้ง่าย อีกทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ไม่จำกัดเวลา และสถานที่
          2. เพื่อเป็นการตอบสนองผู้เรียน ผู้สอนที่ไม่พร้อมทางด้านเวลา และการเดินทางมาเรียนที่สถานศึกษา
          3. เพื่อเป็นการเอื้ออำนวยสำหรับผู้เรียนที่ไม่มีความมั่นใจในการตอบคำถามในห้องเรียน เนื่องจากไม่ต้องการแสดงตนต่อหน้าผู้สอนหรือเพื่อนร่วมชั้น
          4. เพื่อเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทดแทนการเรียนในห้องเรียน
          5. เพื่อที่ผู้เรียนสามารถทบทวนเนื้อหา หรือเรียนรู้ด้วยตนเอง แม้จะไม่ได้เรียนในห้องเรียน

วิธีการดำเนินการ
          1. ปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้บริหารสถานศึกษา
          2.ประชุมกลุ่มหัวหน้างานประจำแผนกวิชาต่างๆ และฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
          3.สำรวจ และสอบถามข้อมูล
          4.แบ่งงานและค้นหาข้อมูลเนื้อหาที่จัดทำ e-learning
          5.ติดต่อองค์กรภายนอก เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกฝ่าย
          6.ประชุมวางแผนปฏิบัติงานเบื้องต้น
          7.ลงมือปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้
          8.ประเมิณผลการปฏิบัติงาน

สรุปผล
          จากข้อมูลแบบสอบถามพบว่า
          1. กิจกรรมที่กำหนดไว้ในบทเรียน ตรงตามจุดประสงค์ของผู้เรียน
          2. เนื้อหาของบทเรียนสามารถตอบสนองการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนได้
          3. การทดสอบในบทเรียน มีการแจ้งผลทำให้ผู้เรียนทราบ เพื่อที่จะนำไปพัฒนาตนเองได้
          4.เนื้อหาการเรียนการสอนมีความแปลกใหม่ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

          ข้อควรปรับปรุง
          1. มีข้อจำกัดในเรื่องของการเข้าถึงระบบเครือข่าย เนื่องจากว่าหากมีการเข้าถึงข้อมูลเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ทำให้ระบบเครือข่ายล่ม
          2. ผู้เรียนจำนวนหนึ่ง ไม่พร้อมทางด้านอุปกรณ์ การเข้าถึงเครือข่ายออนไลน์
          3. เนื้อหาของบทเรียนไม่มีการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน


ผู้จัดทำ
1. นายคมราช      งาคม            57410003
2. นางสาวรชญา  อำนาจอารีย์  57410017